
ห่าก้อม หลายๆคนคงจะสงสัย ว่ามันเป็นยังไง มันเป็นชื่อเรียกของผี ที่จะต้องกล่าวว่าน่าขนลุกมากมายอย่างยิ่งจริงๆ ส่วนมาก ถ้าหากกล่าวถึงผีทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคเหนือ ก็คงไม่พ้น ปอบ ผีกะ นี่ก็ว่าโหดเหี้ยมแล้ว แม้กระนั้นคุณรู้กันไหมว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผีที่โหดเหี้ยมมากกว่ามันถูกเรียกว่า ห่าก้อมเพราะเหตุว่าผู้ที่จะเป็น ห่าก้อมก็คือผู้ที่เป็นผีปอบมาก่อน แม้กระนั้นด้วยวิชาตะบะ ที่เก่งมากมาย หรือเคยเป็นผู้ที่มีวิชาไสยศาสตร์ย์ระดับสูง แล้วทำผิดอาจารย์
เหตุนี้ก็เลยทำให้ ห่าก้อม มีอำนาจเหนือกว่าผีปอบธรรมดา
ห่าก้อม เป็นผีที่มีวิชาสูงขึ้นยิ่งกว่าผีปอบ
คุณยายผมท่านเล่าให้ฟัง ยุคที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า ห่าก้อมเป็นโคตรผีปอบเพราะเหตุว่าผีปอบยังเพียงแค่เข้าคน รับประทานเลือด เนื้อดิบๆแต่ว่าส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งที่ตายแล้ว มันถึงจะรับประทานถ้าหากผีปอบที่แก่มากมายหน่อย ก็ใกล้จะถึงขั้นหักคอคนเป็นๆได้โดยที่เป็นวิญญาณมิได้มาเป็นตัวเป็นตน รวมทั้งจะมีฤทธิ์มากมายในกลางคืนแต่ว่าสิ่งที่ ห่าก้อมมันน่าสยดสยองกว่าผีปอบก็ตรงที่ มันรับประทานเป็นๆแล้วก็มันมีฤทธิ์มากมาย อีกทั้งตอนกลางวันและก็ยามค่ำคืนและไม่จำต้องมาแบบวิญญาณ แต่ว่ามาแบบตัวคนเป็นๆ
เลย คุณยายเล่าให้ฟังว่า ถ้าเกิดคนไหนกันแน่ที่จิตอ่อนหรือมีเคราะห์ดวงใกล้ถึงยามตาย ถ้าเกิดมันต้องการรับประทาน เพียงแค่มันเดินผ่านคนๆนั้นจะลมลงตายโดยทันที จากคำกล่าวจะมีความเห็นว่าห่าก้อมนั้นร้ายกาจกว่าผีปอบอย่างมาก ยุคเก่าแถวบ้านผมไฟฟ้ายังไม่มี ( อันนี้ผมยังทันอยู่ ) ถ้าเกิดหมู่บ้านด้านข้างมีคนไข้คนแถวชนบท ก็จะไปเยี่ยมกันอีกทั้งหมู่บ้านอย่างยิ่งจริงๆ ไม่ราวกับคนปัจจุบันนี้และก็เนื่องจากว่าเป็นหมู่บ้านสามัคคี พวกเราก็เลยเป็นไปไม่ได้ทราบเลยว่าผู้ที่มาหลายท่านนั้นจะ มีผีปอบ
หรือ ห่าก้อมซ่อนเร้นมาด้วยไหมโชคร้ายของคุณลุงคนนั้นที่เจ็บป่วย เนื่องจากว่าภายหลัง ที่ราษฎรผู้อื่นเขาตรงข้ามหมดแล้ว ก็มีคนเห็นว่า มีชายแก่คนหนึ่งเดินขึ้นไปยอดเยี่ยมผู้ป่วยบนบ้าน แม้กระนั้นแปลกที่มึงเอาพริกเอาหอมไปด้วย พอเพียงจับมือนึง สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือตอนมึงลงมาจากบ้าน มึงก็เดินลงมาตัวเปล่า ผู้ที่เป็นพี่น้องคุณลุงพอเพียงมองเห็นเข้าก็ฉงนใจ เลยเดินขึ้นไปมองคนเจ็บก็ปรากฏว่านอนตายไปแล้ว
ยุคเป็นเด็กผมมองเห็นคนภายในหมู่บ้านหรือคนต่างบ้านต่างเมือง เขาพาคนมารักษา เรื่องเหล่านี้ที่บ้านบ่อย ผีหลอก อีกทั้งผีเข้า เป่าหัวเด็ก ( เวลาผีไปกวนเด็กจะร้องไห้ไม่หยุด ) เป่าเพื่อไล่ผีไม่ให้มากมายวน ตายายผมช่วยรักษาผู้ที่โดนทั้งยังผี เรื่องผี อีกทั้งผีปอบ โรคต่างๆจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ท่านรอช่วยเหลือคน แม้กระนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้ตกทอดต่อ ตำราเรียนต่างๆก็หายไปไหนก็ไม่เคยทราบ บุตรหลานไม่มีผู้ใดได้พึงพอใจ แต่ว่าผมจะเล่าวาระสุดท้ายเวลาที่ตากับคุณยายจะเสียให้ฟัง เรื่องน่าขนลุก เนื่องจากว่าท่านทั้งคู่ได้ตั้งตัว เป็นอริกับของเหล่านี้มานานแล้ว เริ่มจากตาก่อน ตอนที่ตาเจ็บไข้ก่อนที่จะเสีย เวลาเข้านอนผมก็ไม่รู้เรื่องนะ เรื่องผี ในช่วงเวลานั้นผมยังเด็กอยู่ ว่าเพราะอะไรจำเป็นต้องเอาแหจับปลามาปกคลุมเวลาเข้านอนด้วย แล้วที่ผมสงสัยก็ได้พบกับตาตนเองจะๆอย่างยิ่งจริงๆ ตอนเวลาเย็นๆราษฎรเขาก็จะมาเยี่ยมไข้ตา กระทั่งเวลาราวๆ 3 ทุ่ม ทุกคนก็ทยอยตรงข้ามหมด วันนั้นผมนอนไม่หลับ ที่พักผ่อนผมจะอยู่ฝั่งที่เห็นบันไดขึ้นบ้านพอดิบพอดี ยุคเก่าต่างจังหวัด ถูกใจเอาตู้ใส่เสื้อผ้ามากั้นเป็นห้อง ผมดูลอดใต้ตู้ไป มองเห็นยายแก่ผมขาว เดินขึ้นบ้านมา แล้วเดินไปตรงที่ตานอนอยู่ ในขณะนั้นตายังนอนในมุ้ง ยังมิได้เข้าไปนอนในแห ผมได้ยินเสียงคนสู้กัน น่าแปลกที่ยายแก่โน่น ขึ้นมาบ้านแม้กระนั้นไม่เคยทราบว่า ลงไปตอนไหน เพราะเหตุว่าจากที่เอะอะกัน ก็มีคนตื่น ก็เลยได้ไต่ถามกัน สรุปยายแก่โน่น เป็นห่าก้อม มันจะมากินคนไข้ ( มันก็คือตาผมเอง ) มันยื่นมือเข้ามาในมุ้ง ดึงขาตา แล้วก็ตาก็เรียกคุณยายที่พักผ่อนข้างๆกัน แม้กระนั้นคุณยายนอนไม่ยินยอมตื่น ตาป่วยไข้ก็จริงอยู่แต่ว่ายังมีคาถา สู้กันอยู่พักนึงก็ถีบมันออกไป แม้กระนั้นสนเท่ห์ใจตรงที่ผีปอบขึ้นบ้านทางบันได เรื่องผี แต่ว่าไม่รู้เรื่องลงไปทางไหน เพราะว่าผมก็นอนสอดส่องตรงบันไดอยู่เสมอ ภายหลังจากวันนั้น ตาก็นอนในแห มาตลอดจนวาระสุดท้าย ตอนเอาใส่หีบศพเขาเอาหวายใส่ไปในหีบศพด้วย สรุปเป็น นอนในแห ก็เพื่อกันผีปอบ เอาหวายใส่โลงศพก็เพื่อกันผีปอบมากินศพ แล้วก็วาระสุดท้ายของคุณยายก็มาถึง